วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

เอื้องกุหลาบแดง (Aerides crassifolia)

       เมื่อเรามาลองเอ่ยถึงคำว่า กุหลาบแดง หลาย ๆ คนคงนึกโยงไปถึงกุหลาบสีแดงที่เป็นเครื่องหมายแห่งของวันความรักในวันวาเลนไทน์ ผิดแล้วครับ วันนี้เราจะมาเอ่ยถึงกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า กุหลาบ แดง กันAerides crassifolia เป็นชื่อวิทยาศาสตร์สกุลกุหลาบของกล้วยไม้ชนิดนึ้ เรารู้จักกันในนาม เอื้องกุหลาบแดง หรือเรียกกันห้วนๆว่า กุหลาบแดง กล้วยไม้ชนิดนี้เติบโตและกระจายสายพันธุ์เกือบทุกภาคพื้นที่ของป่าในประเทศไทยเรา เอื้องกุหลาบแดง มักขึ้นตามคาคบไม้สูง แต่บางครั้งเราก็พบว่ามันชอบเติบโตบนกิ่งก้านต้นไม้ที่ต่ำเพียงมือเอื้อมถึงเช่นกันด้วยสีสันที่แดงจัดจ้านสมชื่อของมัน เอื้องกุหลาบแดง จึงเป็นกล้วยไม้สกุลกุหลาบอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของนักนิยมกล้วยไม้มากมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่ด้วยลักษณะทรงช่อที่ตีห่างไม่สมส่วนกับจำนวนดอกบนก้านช่อ เอื้องกุหลาบแดง จึงไม่เป็นที่นิยมในด้านการพัฒนาสายพันธุลักษณะพิเศษประจำสกุลของ เอื้องกุหลาบแดง คือ มีเดือยดอกเรียวแหลมหรือปลายงอนออกมาทางด้านหน้าของดอก ลำต้นเตี้ยล่ำ ใบใหญ่สั้นหนาสีเขียวปนแดง สีแดงจะเข้มขึ้นในช่วงแห้งแล้ง ใบกว้างราว 1.5-2.0 เซนติเมตร ยาวราว 10-18 เซนติเมตร ผิวใบอาจย่นตามขวางของใบ ใบเรียงสลับระนาบเดียว ลำต้นเจริญทางปลายยอด ช่อดอกโค้งลงยาวใกล้เคียงกับใบ มีดอกช่อละ 10-20 ดอก ขนาดดอกกว้าง 2-3 เซนติเมตร กลีบดอกสีชมพู-ม่วงแดง ส่วนปากดอกสีเข้ม กลีบในบิดไปด้านหลัง ดอกมีกลิ่นหอม บานช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ลักษณะเด่น คือกลีบดอกนอกคู่ล่างกว้าง ปากแบะยื่น เดือยดอกยาว เห็นชัดเจน ปลายเดือยงอนขึ้น และไม่อยู่ใต้ปลายปาก เอื้องกุหลาบแดง พบตามธรรมชาติ ในป่าแล้งภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคตะวันออกของไทย รวมทั้งจังหวัดนครนายกและกาญจนบุรี นอกจากนี้ยังพบในประเทศ พม่า ลาว และเวียดนามเมื่อเรามาลองเอ่ยถึงคำว่า กุหลาบแดง หลาย ๆ คนคงนึกโยงไปถึงกุหลาบสีแดงที่เป็นเครื่องหมายแห่งของวันความรักในวันวาเลนไทน์ ผิดแล้วครับ วันนี้เราจะมาเอ่ยถึงกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า กุหลาบแดง กั Aerides crassifolia เป็นชื่อวิทยาศาสตร์สกุลกุหลาบของกล้วยไม้ชนิดนึ้ เรารู้จักกันในนาม เอื้องกุหลาบแดง หรือเรียกกันห้วนๆว่า กุหลาบแดง กล้วยไม้ชนิดนี้เติบโตและกระจายสายพันธุ์เกือบทุกภาคพื้นที่ของป่าในประเทศไทยเรา เอื้องกุหลาบแดง มักขึ้นตามคาคบไม้สูง แต่บางครั้งเราก็พบว่ามันชอบเติบโตบนกิ่งก้านต้นไม้ที่ต่ำเพียงมือเอื้อมถึงเช่นกันด้วยสีสันที่แดงจัดจ้านสมชื่อของมัน เอื้องกุหลาบแดง จึงเป็นกล้วยไม้สกุลกุหลาบอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของนักนิยมกล้วยไม้มากมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แต่ด้วยลักษณะทรงช่อที่ตีห่างไม่สมส่วนกับจำนวนดอกบนก้านช่อ เอื้องกุหลาบแดง จึงไม่เป็นที่นิยมในด้านการพัฒนาสายพันธุ์ด้านหน้าของดอก ลำต้นเตี้ยล่ำ ใบใหญ่สั้นหนาสีเขียวปนแดง สีแดงจะเข้มขึ้นในช่วงแห้งแล้ง ใบกว้างราว 1.5-2.0 เซนติเมตร ยาวราว 10-18 เซนติเมตร ผิวใบอาจย่นตามขวางของใบ ใบเรียงสลับระนาบเดียว ลำต้นเจริญทางปลายยอด ช่อดอกโค้งลงยาวใกล้เคียงกับใบ มีดอกช่อละ 10-20 ดอก ขนาดดอกกว้าง 2-3 เซนติเมตร กลีบดอกสีชมพู-ม่วงแดง ส่วนปากดอกสีเข้ม กลีบในบิดไปด้านหลัง ดอกมีกลิ่นหอม บานช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ลักษณะเด่น คือกลีบดอกนอกคู่ล่างกว้าง ปากแบะยื่น เดือยดอกยาว เห็นชัดเจน ปลายเดือยงอนขึ้น และไม่อยู่ใต้ปลายปาก เอื้องกุหลาบแดง พบตามธรรมชาติ ในป่าแล้งภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคตะวันออกของไทย รวมทั้งจังหวัดนครนายกและกาญจนบุรี นอกจากนี้ยังพบในประเทศ พม่า ลาว และเวียดนาม

      เอื้องกุหลาบแดง เป็นกล้วยไม้สกุลกุหลาบที่มีดอกขนาดใหญ่กว่ากล้วยไม้กุหลาบชนิดอื่นๆ ชาวยุโรปนิยมชมชอบ เอื้องกุหลาบแดง มากเป็นพิเศษ จนให้สมญานามว่า "ราชาแห่งสกุลกุหลาบ" แม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็ยังปลูกได้ เจริญเติบโตดีมาก เอื้องกุหลาบแดง สามารถผสมข้ามสกุลกับกล้วยไม้สกุลแวนด้า และสกุลช้างได้อีกด้วย


วิธีปลูกเลี้ยง เอื้องกุหลาบแดง

- เมื่อเราได้รับต้นของ เอื้องกุหลาบแดง มาแล้วเราสามารถปลูกลงในกระเช้าแขวน หรือ นำแปะติดขอนไม้ก็ได้ครับ โดยจับลำของ เอื้องกุหลาบแดง แขวนไว้ในที่ร่มรำไรรดน้ำเช้าหรือเย็นเพียงเวลาเดียว ในช่วงที่รากยังไม่แตกดีให้เรานำ บี1 มาผสมกับน้ำในปริมาณที่เหมาะสมและฉีดพ่นสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เอื้องกุหลาบแดง จะแตกรากง่ายขึ้นครับ
- เมื่อ เอื้องกุหลาบแดง เริ่มตั้งตัวได้ดีแล้ว สังเกตุจากมีรากพันรอบกระเช้าหรือรากพันแน่นบนขอนไม้ที่เราปลูก ให้เราลองค่อย ๆ ขยับ เอื้องกุหลาบแดง ของเราออกมาให้ได้รับแสงบ้าง โดยให้ได้รับแสงในช่วงเช้าตรู่ราว ๆ 6 โมง - 9 โมง เช้า หรือ ให้ได้รับแสงเย็นช่วง 4 - 6 โมงเย็น เพื่อให้ เอื้องกุหลาบแดง ได้สังเคราะห์แสงและกับเ
อาหารได้มากขึ้นเพื่อใช้ในการผลิดอกครั้งต่อไป
- เอื้องกุหลาบแดง ที่ได้รับแสงเหมาะสมจะให้ดอกตรงฤดูกาลทุกปี หาก เอื้องกุหลาบแดง ของคุณไม่ยอมให้ดอกให้ลองพิจารณาว่าบริเวณที่เราแขวน เอื้องกุหลาบแดง ไว้นั้นได้รับแสงเพียงพอหรือไม่ดูครับ
- การให้ปุ๋ย จะให้ปุ๋ยทุกสัปดาห์โดยใช้สูตรปุ๋ยเสมอ 21-21-21 เป็นหลักครับ หากหมั่นให้ปุ๋ยทุกสัปดาห์แล้ว เอื้องกุหลาบแดง จะแตกกอให้ใบและดอกย้อยเป็นพวงสวยงามเลยทีเดียวครับ
- การให้น้ำ เอื้องกุหลาบแดง เรามักให้เพียงเวลาเดียวคือช่วงเช้าตรู่ หรือ ช่วงเย็นจัด เท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงรดน้ำช่วงเวลา หลัง 8 โมงเช้า เพราะน้ำที่รด จะไปขังอยู่ในกาบใบของกล้วยไม้เราและเมื่อเจอกับแดดร้อน ๆ ในบ้านเราเข้าไป น้ำที่ขังจะเริ่มอุ่นและทำให้ใบของ เอื้องกุหลาบแดง หรือกล้วยไม้ที่เราเลี้ยงใบช้ำเหลืองและเน่าเสียได้ครับ

 กุหลาบเหลืองโคราช ( Aerides houlletiana )
    กุหลาบเหลืองโคราช ( Aerides houlletiana )กุหลาบเหลืองโคราชหรือที่เราเรียกกันง่ายๆว่าเหลืองโคราชเป็นกล้วยไม้สกุลกุหลาบ Aerides ที่มีลำต้นเจริญเติบโตทางยอดต้นของ เหลืองโคราช มักตั้งตรงหรือเอนห้อยลงซึ่งแล้วแต่ปัจจัย สภาพแวดล้อมที่ขึ้นอยู่บริเวณนั้น ๆ ในสภาพโรงเรือนเราสามารถ เลี้ยง เหลืองโคราช ให้มีลำต้นตรงสวยได้ด้วยการดัดทรง แต่ใน ธรรมชาติแล้ว เราจะพบว่าลำต้นของ เหลืองโคราช ที่โตเต็มที่จะมี ลักษณะโค้งงอไม่ตรงสวยเนื่องจากเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกนั่นเองครับใบของ เหลืองโคราชมีลักษณะแข็ง สีเขียวสดเรียงตัวกันคล้าย ก้างปลา เว้นระยะห่างกันเพียงเล็กน้อย ปลายใบจะมีรอยเว้าอยู่ สองแฉก หากได้รับการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด เหลืองโคราช สามารถ ให้ใบได้ตลอดลำต้นโดยไม่ทิ้งใบเลยทีเดียวดอกมีลักษณะเป็นช่อห้อยลง สั้น-ยาว แล้วแต่ลักษณะของแต่ละต้นมีพื้นกลีบสีเหลืองซีดไล่ไปจนถึงสีเหลืองสดเข้ม ปลายดอกมีสีม่วงแต้มอยู่ ในธรรมชาติบางครั้งเราอาจพบกับ เหลืองโคราช ที่มีสีขาวล้วน ซึ่งเป็นลักษณะที่หาได้ยากยิ่งและไม่ค่อยพบ เห็นได้บ่อยครั้ง เหลืองโคราช สีขาวนี้เรียกว่าเหลืองโคราชเผือกกลิ่นของเหลืองโคราชนั้นแตกต่างและพิเศษกว่ากล้วยไม้ชนิดอื่นๆ กลินของเค้าหอมคล้าย ๆ กับกลิ่นของต้นตะไคร้ เลยหากใครมีเจ้าเหลืองโคราช ให้ลองดมดูนะครับฤดูดอกมักให้ดอกในช่วงฤดูร้อนเข้าฝนคือ เมษายน - พฤษภาคม ดอกของ เหลืองโคราช บานได้สูงสุด ๒ สัปดาห์ และ ให้ดอกเพียงปีละ ๑ ครั้งเท่านั้น *ลืมบอกไปกุหลาบเหลืองโคราชมีอีกชื่อว่ากุหลาบนางรอง ครับ

      เป็นเรื่องน่ายินดีที่ปัจจุบัน เหลืองโคราช ได้ถูกพัฒนาสายพันธุ์จากนักเลี้ยงกล้วยไม้หลากหลายถิ่นที่ให้ความสำคัญกับ กล้วยไม้ชนิดนี้ เหลืองโคราช จึงเป็นกล้วยไม้อีกชนิดที่ได้รับพัฒนาจนมีสายพันธุ์ที่สวยงามโดดเด่นกว่า กล้วยไม้ป่า และ เหลืองโคราช ยังได้รับให้เป็นกล้วยไม้ที่สำคัญของถิ่นโคราชอีกด้วย ทุก ๆ ปีเราจะได้เห็นกับเทศกาล เหลืองโคราช บาน ภายใต้ชื่อ Orchid & Jazz Korat ภายในงานจะมีเหลืองโคราชพัฒนาสายพันธุ์จากหลากหลายแหล่งมารวมตัวกันน่าตื่น ตาตื่นใจ หากใครมีโอกาสก็อย่าพลาดชมเชียวละครับ ! การปลูกเลี้ยง กุหลาบ เหลืองโคราช
กรณีเป็นไม้ออกขวด 
- ภายหลังออกขวด ผมมักจะผึ่งไว้ในตะกร้าก่อนเสมอเพื่อให้ลูกไม้ปรับตัว และได้ลมเย็น ๆ พัดไปพัดมาให้ชื่นใจสักหน่อย แต่ถ้าขี้เกียจหน่อยผมก็จะปล่อยไว้แบบนี้ตลอดเวลา ๒-๓ เดือนรอจนกระทั่งรากใหม่แตกออกมาแล้วถึงหนีบนิ้วครับ แต่ถ้า ขี้เกียจมาก ๆ หน่อย ก็รอโตเลย แล้วจับลงกระเช้า ๔ นิ้วเลยครับ คงจะสงสัยว่าทิ้งนาน ๆ รากไม่พันตะกร้าเหรอ หากอ่าน บทความการออกขวดกล้วยไม้แล้วคงเข้าใจทันที เนื่องจากผมใช้โฟมรองก้นตะกร้าแล้วเอาลูกไม้ทับ ดังนั้นเมื่อรากใหม่ แตกออกมาก็จะพันโฟมครับ แกะง่ายกว่าพันตะกร้าเยอะเลย !
กรณีไม้ที่ได้มาเป็นต้นโตแล้ว
    - ให้นำเหลืองโคราช ที่ท่านได้มา แช่ยากันราก่อนสัก 30 นาที แล้วค่อยนำไปปลูก การปลูกมีดังนี้
   ๏ หากติดขอนไม้ ให้จับ เหลืองโคราช ของท่านมัดแน่น ๆ กับขอนไม้ครับ แค่นี้แหละ ง่ายไหมเอ่ย ?
   ๏ หากลงกระเช้า ให้ค่อย ๆ บรรจงร้อยรากทั้งหมด ลงในกระเช้า หากมีรากแห้งติดก็จงตัดรากแห้ง ๆ ทิ้งเสียครับ เหลือคงไว้ แต่รากดี ๆ ก็พอครับ หลังจากนี้ห้อยไว้ที่ที่ร่มรำไร ไม่ทึบไป ไม่กลางแจ้งเกินไป มีลมโกรกสบาย ๆ รดน้ำเช้า หรือเย็นแค่ เวลาเดียว รากแตกใหม่ค่อยย้ายออกที่ที่มีแสงมากขึ้น เท่านี้ เหลืองโคราช ก็จะสวยแล้วครับ
เหลืองโคราช ไม่ออกดอก ทำไงดี ?
   - กรณีไม่มีดอกนั้น มี ๒ ข้อ คือ
     ๑. ลูกไม้เล็กอยู่ และไม่พร้อมให้ดอก หรือ ท่านได้กล้วยไม้มาจากป่า ปีแรกจะให้ดอก ปีถัด ๆ ไปจะงดดอกเพราะต้องปรับ ตัวก่อนนะครับ
     ๒. ท่านปลูกกล้วยไม้ไว้ในที่ที่ร่มเกินไป ต้องให้กล้วยไม้ได้รับแสงมาก ๆ หน่อยครับ กล้วยไม้เห็นว่าใบอวบน้ำแต่จริง ๆ แล้ว เป็นพืชที่ชอบแสงมาก ๆ เลยละครับ ลองดูนะครับ หากพบปัญหาปรึกษาได้ที่เว็บบอร์ดคร้าบบ

 เอื้องกุหลาบกระเป๋าปิด (Aerides odorata)

        กุหลาบกระเป๋าปิด เป็นกล้วยไม้ในกลุ่มสกุล กุหลาบ (Aerides) ที่พบได้ทุกภาคในประเทศไทย แต่ลักษณะของดอกแต่ละพื้นที่ที่พบกลับแตกต่างกัน ในทางเหนือ กุหลาบกระเป๋าปิด จะ มีลักษณะของลำต้นที่ตั้งตรง ใบหนาและลักษณะของกลีบดอกจะใหญ่กลม ก้านส่งช่อแข็งดอกจึงมีลักษณะโค้งเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ของภาคอื่น ๆ กุหลาบกระเป๋าปิด จะมีลักษณะของลำต้นที่บิด ใบยาวเรียวก้านช่อส่งจะอ่อนกว่าช่อดอกจึง อ่อนโค้งลง ชื่อของ กุหลาบกระเป๋าปิด นั้นได้มาเนื่องจาก ส่วนของปากดอกจะมีลักษณะปิดพับเส้าเกสรไว้นั่นเองครับ หากเป็นกุหลาบตัวอื่น ๆ ปากดอกจะเปิดออก เช่น กุหลาบเหลืองโคราช และ กุหลาบกระเป๋าเปิด เป็นต้น
ฤดูกาลให้ดอก กุหลาบกระเป๋าปิด จะให้ดอกราว ๆ ช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม ดอกของ กุหลาบกระเป๋าปิด มีกลิ่นหอมหวานมาก ๆ สีสันของดอก กุหลาบกระเป๋าปิด พบเห็นได้ตั้งแต่สีขาว ไล่ไปจนถึง สีชมพู อ่อน ๆ และเข้ม บางครั้งเราก็พบว่าบางต้นให้ดอกลายจุดแต้มสีชมพูอีกด้วย ดอกของ กุหลาบกระเป๋าปิด บานได้นานถึง 1 - 2 สัปดาห์ครับ ถึงแม้จะเป็นกล้วยไม้ที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่ กุหลาบกระเป๋าปิด ก็ยังเป็นเอื้องกุหลาบของไทยอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ หากได้ลองเลี้ยงดูแล้วละก็ ผมว่าต้องหลงรัก เค้าอย่างแน่นอนเชียวครับ
        การปลูกกุหลาบกระเป๋าปิด เป็นกล้วยไม้อีกชนิดที่เลี้ยงง่ายครับ ชอบอากาศร้อน เลี้ยงบนพื้นราบได้ แต่จะเลี้ยงให้งามได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความขยันของผู้เลี้ยงเองครับ เรามาดูขั้นตอนการปลูกเลี้ยงเริ่มต้นกันเลย อ่านตามกันมาเลยครับ
     1. เมื่อได้ กุหลาบกระเป๋าปิด มาแล้ว หากเป็นต้นที่โตแล้ว ให้เราตัดรากที่แห้งออกเสียก่อน เสร็จแล้วก็ค่อยนำไปปลูกติดขอนไม้ หรือ ขึ้นกระเช้า ก็แล้วแต่ครับ
     2. หากเป็นลูกไม้/ไม้นิ้ว ให้นำลูกไม้ กุหลาบกระเป๋าปิด ขึ้นกระเช้า จะดีกว่าครับ พอโตขึ้นเราจะได้ทรงต้นสวย ๆ แล้วยังสามารถยกไปโชว์เวลามีดอกได้ด้วยครับ หรือ จะนำไปติดต้นไม้เลยก็ได้ แต่ระวังหอยทากด้วยนะครับ
     3. หากเป็นกล้วยไม้ออกขวด ให้นำลูกไม้ กุหลาบกระเป๋าปิด ผึ่งในตะกร้าก่อน เลี้ยงในตะกร้าจนกว่าจะมีรากใหม่มา แล้วค่อยนำไปปลูกในกระถางนิ้วต่อครับ
     1. คุณอาจเลี้ยง กุหลาบกระเป๋าปิด ในที่ร่มเกินไป ให้ลองย้ายไปยังที่มีแสงสว่างเพิ่มขึ้น
     2. ลูกไม้ยังเด็กเกินไป ขุนต่ออีกหน่อย
     3. หากเป็นไม้ป่าอาจจะชะงักการให้ดอกสักระยะ ต้องรอปรับตัวสักพักครับ
     4. ลองขยันให้ปุ๋ยทางใบบ้าง กุหลาบกระเป๋าปิด จะให้ดอกดกขึ้นครับ*ในฤดูฝน ให้พึงระวัง หอยทาก ใดีครับ หอยทห้ากจะชอบกินรากอ่อนของ กุหลาบกระเป๋าปิด และกล้วยไม้ชนิดอื่น ๆ มาก ให้เอาปูนขาวโรยป้องกันไว้นะครับ 

 เข็มแสด ( Ascocentrum miniatum )
       เข็มแสด ( Ascocentrum miniatum )เอื้องเข็มแสดกล้วยไม้สกุลเข็ม เป็นกล้วยไม้อีกชนิดหนึ่งที่ให้ดอกสีจัดจ้าน และยังแทงดอกเก่งอีกด้วยในกลุ่มกล้วยไม้เหล่าพันธุ์ส่วนตัวผมไม่คิดว่ามีกล้วยไม้อะไรที่ ให้ดอกเก่งและแทงช่อดอกเก่งไปมากกว่ากล้วยไม้สกุลเข็มแล้วละครับ อย่าเจ้าเข็มแสดเป็นต้นเข็มแสดเป็นกล้วยไม้ทนร้อนมากๆ ตามชื่อของเค้า กล้วยไม้นี้มีดอกเป็นสีแสดแสบทรวงมากสีของมัน พอตกกลางวันจะสะท้อนแสงแดดได้เจ็บแสบมากที เดียว ด้วยรวงดอกที่ให้ดอกจนถี่ยิบ หากอยู่ไกล ๆ คุณจะเห็นสีของ เข็มแสดเด่นสะดุดตามาก่อนใครเลยก็ว่าได้เข็มแสด เป็นกล้วยไม้ที่มีในบ้านเรา ด้วยลักษณะที่ทนร้อนแบบ พิเศษสุด ๆ มันจึงเป็นกล้วยไม้ที่สามารถเลี้ยงในบ้านเราได้ ทุกภูมิท้องถิ่น ไม่ว่าจะกิ่งอำเภอไหนสภาพแวดล้อมโหดร้ายเพียงได เข็มแสด ก็ไม่สะทกสะท้าน ขอแค่มีคนคอยรดน้ำให้ทุกวันๆ เจ้าเข็มแสดก็จะผลิช่อดอกบานให้ชมกันทุกปีครับ
ลักษณะทั่วไป เข็มแสด มีใบเรียวยาว ทรงห่อ ค่อนข้างแข็งหนา เจริญเติบโตทางยอด เป็นกล้วยไม้ชอบแสงมาก ให้ ดอกในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ - เมษายน ดอกมีขนาดเล็ก สีส้มอ่อนไปจนถึงส้มจัด บางชนิดจัดมากจนเกือบ แดงก็มี ลักษณะดอกชูก้านตั้งขึ้น มักให้ช่อดอกมากกว่า 2 ช่อเสมอด้วยเหตุนี้จึงเป็นกล้วยไม้ที่เลี้ยงง่ายให้ดอกง่าย และดก เข็มแสด จึงถูกนำไปผสมเป็นลูกผสมกับกล้วยไม้อื่น ๆ มากมาย เพื่อให้ได้ลูกที่มีสีสันสด ให้ดอกดกและแทงตาดอกเก่ง เหมือนดั่ง เข็มแสด นั่นเอง เข็มแสด พบได้ในป่าเบญพรรณ และป่าดิบแล้งในไทย ยกเว้นภาคตะวันตกที่เดียวที่ไม่พบ กล้วยไม้ชนิดนี้อยู่ครับ


การปลูกเลี้ยง เข็มแสด
     เข็มแสด เป็นกล้วยไม้เลี้ยงง่ายมาก ๆ ครับ ขอแค่อย่าลืมรดน้ำยังไงก็รอด เนื่องจาก เข็มแสดเป็นกล้วยไม้ชอบแสงมาก ดังนั้น วิธีการเลี้ยง จึงต้องให้ เข็มแสด ได้ปริมาณแสงมาก ๆ ต่อวัน ต้นในภาพ ผมจับผึ่งตากแดดทั้งวัน มีร่มรำไรเพียงนิด เดียวเท่านั้นครับ มาดูวิธีดังต่อไปนี้กันนะครับ
กรณีเป็นไม้ออกขวด- หากเป็นกล้วยไม้ออกขวด ให้นำลูกไม้ผึ่งในตะกร้าก่อน หรือ จะทิ้งไว้ในตะกร้าจนโตเลยก็ได้ครับไม่ต้องหนีบนิ้ว เลี้ยงง่าย มาก ๆ หากต้องการหนีบนิ้ว ก็ให้ผึ่งเข็มแสดในตะกร้า จนกว่าจะมีรากใหม่ เครื่องหนีบเป็นโฟมก็ได้ครับ เพราะว่า เข็มแสด ไม่ชอบเครื่องปลูกแฉะ ชอบแห้ง ๆ และแสงเยอะ ๆ นะครับ ไม้นิ้วส่วนใหญ่ เลี้ยง ไม่ถึงปี ไม่ก็ 1 ปี ก็มีดอกให้ชมแล้วครับ
กรณีไม้ที่ได้มาเป็นต้นโตแล้ว
     - ให้นำเข็มแสด ที่ท่านได้มา แช่ยากันราก่อนสัก 30 นาที แล้วค่อยนำไปปลูก การปลูกมีดังนี้
     ๏ กรณีติดขอนไม้ ให้นำ เข็มแสดมามัดกับขอนไม้ได้เลย ไม่ต้องหาอะไรมารองระหว่างขอนไม้กับ เข็มแสด ก็ได้ครับ มัดให้ แน่นที่สุดเท่าที่แน่นได้ เอาชนิดที่ว่า ไม่คลอนเลยนะครับ ถ้ามัดแน่นละก็ รากใหม่จะมาเร็วมาก หลังจากติดขอนแล้วให้ นำต้น เข็มแสด นี้ พักฟื้นในร่มรำไรเสียก่อ อย่าได้เอาไปออกแสงเลย ไม่งั้นจะสุกนะครับ หลังจากรากเดินดีแล้วจึงค่อย ๆ ขยับออกแดดครับ ย้ำว่า ค่อย ๆ นะครับ อย่าสุ่มสี่สุ่มห้า รากเดินปุ๊บ จับย้ายออกแดดเลย แบบนั้น ตายครับ
     ๏ กรณีปลูกลงกระเช้า ให้นำต้น เข็มแสด บรรจงวางลงกับกระถางที่หามาได้ ไม่ต้องหาอะไรเป็นเครื่องปลูก จับมัดดิบติด กระถางพลาสติก หรือ กระถางไม้ได้เลย รดน้ำเช้าเย็น ประมาณ 3-4 อาทิตย์ เข็มแสด จะแทงรางใหม่ รอให้แตกรากดี ก่อน แล้วค่อย ค่อย ๆ ย้าย ออกบริเวณที่มีแสงมาก หากกลัวว่า เข็มแสด จะแห้งไป ก็หาสเฟกนั่มมอสไม่ก็มะพร้าวมาทับ รากสักหน่อยก็ได้ครับ
เข็มแสด ไม่ออกดอก ทำไงดี ?
     - ถ้าเจอปัญหานี้ละก็ให้หาที่เลี้ยงดังต่อไปนี้
       1. เลี้ยงร่ม ๆ
       2. เลี้ยงใต้ชายคาโรงรถ
ทั้ง 2 ข้อที่ว่ามา อย่าทำเชียวครับ เพราะร่มไปเนี่ยแหละ เข็มแสด จึงไม่ยอมให้ดอกครับ ขอเน้นอีกครั้งว่า เข็มแสด เป็น กล้วยไม้ ชอบแดด มาก !!    
  
 เอื้องอั่วพวงมณี คาลันเท( Calanthe)


        คาลันเท , เอื้องอั่วพวงมณี (Calanthe) คาลันเท เป็นกล้วยไม้พื้นเมืองของเรานี่เองครับ บางท่านเรียกกล้วยไม้ชนิดนี้ว่า เอื้องน้ำเต้า เนื่องจาก หัวของเจ้า คาลันเท ดันไปมีรูปร่างคล้ายน้ำต้นนี่เอง จึงกลายเป็นที่มาของชื่อที่หลายคนชอบเรียกกัน

     คาลันเท พบได้ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ในประเทศไทย ของเราตั้งแต่เหนือจรดใต้เลยครับ มันมีเขตกระจาย พันธุ์ในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่เราจะพบคาลันเทได้แทบทุกภาคในบ้านเรา
        ลักษณะโดยทั่วไป คาลันเทจะมีหัวโผล่ออก มาจากดินให้เราเห็นเป็นจุกเหมือนกับหัวน้ำต้นหัวของคาลันเทจะทำหน้าที่เก็บ อาหารเช่นเดียวกับพืชที่มี หัวใต้ดินทั่วไป แต่คาลันเทบางชนิดก็ไม่มีหัวครับดินที่คาลันเทโปรดปรานจะเป็นดินร่วนปนใบไม้ผุ การปลูกเรามักเลียนแบบธรรมชาติโดยผสมมะพร้าว สับลงไปกับดินมาก ๆ เอาแบบว่าเทน้ำลงไปแล้ว น้ำ ไหลออกก้นกระถางได้ทันทีจะดีที่สุด

        หากคุณปลูกคาลันเทโดยใช้ดินทั้งหมดดินจะกักเก็บน้ำเป็นจำนวนมากทำให้การละบายน้ำเป็นไปด้วยช้าน้ำอาจจะขังอยู่ในกระถางอยู่นานซึ่งเป็นผลทำให้หัวของคาลันเทเน่าได้นั่นเองครับ ดังนั้น เทคนิคการปลูกคาลันเท เราจำ เป็นต้องหาวัสดุปลูกอื่นผสมลงไปด้วยหากคุณเลือกใช้กาบมะพร้าวปลูกคุณควรแช่กาบมะพร้าวสับที่ได้มานั้นลงในน้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 2-3 คืน เพื่อให้ยางมะพร้าวเจือจางลง และทำให้กาบมะพร้าวกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น หาก คุณไม่แช่กาบมะพร้าวยางของมะพร้าวจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้การเจริญเติบโตของ คาลันเท หยุดชงักลง !
 หากเป็นไปได้ลองหาใบก้ามปูผสมลงไปกับเครื่องปลูกไม่ต้องใส่มากครับเมื่อเวลาผ่านไปใบก้ามปูจะกลายเป็นสารอาหารอันยอดเยี่ยมให้กับคาลันเทเนื่องจากคาลันเทชอบดินที่มีฮิวมัส*สูงนั่นเองครับ
      **ฮิวมัสคืออินทรีย์วัตถุที่ถูกเปลี่ยนรูปร่างให้มีขนาดเล็กอย่างสมบูรณ์แบบโดยจุลินทรีย์และสารเคมีมีโครงสร้าง สลับซับซ้อนคงทนต่อการสลายตัว รูปร่างไม่แน่นอน มีสีน้ำตาล หรือน้ำตาลดำ มีองค์ประกอบทางเคมี คือ คาร์บอน ไฮโตรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส กำมะถัน และธาตุอื่น ๆ
สำหรับเรื่องของแสง คาลันเท ไม่ชอบพื้นที่ที่มีแสงสว่างจัด ควรหลีกเลี่ยงอย่าวางกระถางคาลันเทในบริเวณที่มีแดด ลงตรง ๆ พื้นที่ที่เหมาะสมคือสภาพแสงรำไรครับ
     1. การหักจุกที่หัวลองดูภาพด้านบนประกอบนะครับ ตรงลูกศรสีส้มในภาพ หากหักจุกตรงนั้นไปชำเราจะได้คาลันเทต้นใหม่ง่ายๆ เลย หรือ จะแยกหัวก็ได้ครับ
     2. การเพาะเมล็ดคาลันเทถือฝักเพียง 3-4 เดือนเท่านั้น เมื่อฝักของคาลันเทแตกออกลองเคาะเมล็ดแก่นี้ลงบน กระถางที่เราปลูกคาลันเทพอระยะเวลาผ่านไป มล็ดเหล่านี้จะงอกเป็นคาลันเทต้นใหม่ ได้เองครับ แต่ว่าจะงอก เพียง 2-3 ต้นเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าสภาพโรงเรือนของคุณจะเหมาะสมกับคาลันเทจริงๆถึงจะยอมงอกออกมาหลาย ต้นให้ชมเชย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น